ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

เครือข่ายสังคมออนไลน์


       แนวคิดเรื่อง(Social Network)หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ มักปรากฎให้เห็นในลักษณะของการนำมาใช้เพื่อดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆ โดยมีตัวบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันเป็นเครือข่าย เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน แลกเปลี่ยนแบ่งปันทรัพยากร ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ แต่ปัจจุบันคำว่า(Social Network)จะหมายถึงระบบเครือข่ายบนโลกออนไลน์ หรือการติดต่อสื่อสารถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ตนั่งเอง Wikipedia (2009) ให้ความหมาย (Social Network) ว่าเป็นโครงสร้างสังคมที่ประกอบด้วยโหนด(Node)ต่างๆเชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ละโหนดที่เชื่อมโยงกันก็อาจมีความสัมพันธ์กับโหนดอื่นๆด้วย โดยอาจมีระดับของความสัมพันธ์กัน มีความซับซ้อน มีเป้าหมาย




เครือข่ายสังคมออนไลน์กับการศึกษา

         พูดถึงสื่อสังคมออนไลน์แล้ว คนกลุ่มแรกๆ ที่ผมมักคิดถึงคือกลุ่มเด็กนักศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มคนยุคใหม่ที่น่าจะมีความสนใจในสื่อประเภทสังคมออนไลน์มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง คำถามที่ตามมาก็คือบรรดาสถาบันของพวกเขาให้ความสำคัญกับสื่อประเภทนี้มากน้อยขนาดไหน แล้วจะดีหรือไม่ถ้าบรรดาสถาบันการศึกษาเหล่านั้นหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้

       นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการนำบรรดาสื่อออนไลน์ไปใช้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่าวันนี้จะมีเรียนที่ไหนอย่างไร อาจารย์เอาเอกสารประกอบการสอนมาแชร์ การถ่ายภาพแบบ 360 องศาของห้องเรียนให้คนภายนอกดู การช่วยให้สถาบันค้นหานักศึกษาที่โดดเด่น หรือแม้กระทั่งก้าวไปถึงการช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสมีโอกาสในการศึกษแนวคล้ายๆ กับการศึกษาทางไกล 

       แน่นอนว่าสถาบันการศึกษาที่นำสื่อสังคมออนไลน์มาใช้คงไม่ได้ประสบความสำเร็จไปเสียทุกที่ แต่สถาบันหลายแห่งที่ประสบความสำเร็จนั้น มักจะมีลักษณะคล้ายกันอย่างหนึ่ง นั่นคือการเปิดให้บรรดาครูอาจารย์สามารถเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยถูกต้องในเรื่องต่างๆ เพื่อไม่ให้การนำสื่อเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด ในเรื่องนี้หลายส่วนได้ให้ความเห็นว่าการให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมมือในการเรียนการสอนด้วยการให้แสดงความคิดเห็นจากนักเรียนนักศึกษา ที่เสมือนกับการสื่อสารตลอดเวลากับครูอาจารย์ ทำให้การเรียนการสอนพัฒนาไปได้ดียิ่งขึ้น

      สุดท้ายเป็นเรื่องเนื้อหาหรือ Content ที่ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือยุคที่เนื้อหาสาระที่นำเสนอเป็นเรื่องที่สำคัญเอามากๆ ยิ่งใครที่มีเนื้อหาที่ดีและมีจำนวนมาก (ต้องมีทั้งคู่ควบคู่กันไป) ก็ยิ่งได้เปรียบ สถาบันที่ประสบความสำเร็จในการบริหารสื่อออนไลน์ สามารถชักชวนให้นักเรียนนักศึกษาเข้ามาสร้างสรรค์เนื้อหาสาระในสังคมออนไลน์ และนี่กลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนให้สถาบันนั้นๆ ประสบความสำเร็จ

       ตรงกันข้ามกับอีกลุ่มที่พบอุปสรรคมากมาย อย่างการขาดบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจมาจัดการกับสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้สุดท้ายบรรดาผู้ใช้งานอย่างนักเรียนนักศึกษาขาดความเชื่อมั่น และไม่ใช้สื่อที่สถาบันการศึกษานั้นบริหารอยู่ หรือสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวขาดการทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมหรือผูกพันธ์ ก็จะไม่มีทางได้รับความสำเร็จจากการบริหารสื่อออนไลน์ได้เด็ดขาด สุดท้ายแล้วความสม่ำเสมอในการให้ข้อมูล สร้างเนื้อหา หรือติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้ก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สถาบันนั้นๆ ประสบความสำเร็จ แม้แต่ Facebook ยังใช้เวลานานกว่าที่จะก้าวมาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ ณ วันนี้ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องสร้างความมั่นคง สม่ำเสมอกับสื่อประเภทนี้ให้ได้ จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ



สถิติของเครือข่ายสังคมออนไลน์
           สถิติจาก Markingchart.com ในเดือนธันวาคม 2553 พบว่าสถิติอัตราการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่คนนิยมใช้มากที่สุดคือ Facebook รองลงมาคือ Youtube และ MySpace ตามลำดับ และข้อมูลที่น่าสนใจคือผู้หญิงมีสัดส่วนการเล่น Social Network มากกว่าผู้ชาย

Twitter
           ทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทวิตเตอร์ก่อตั้งโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือนมีนาคม ค.2006 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
ข้อความอัพเดตที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ อีเมล์ หรือโปรแกรมเฉพาะอย่าง TweetDesk เป็นต้น โดยการรับข่าวสารข้อความจากผู้อื่นเรียกว่า Following” และสำหรับผู้อื่นที่มาติดตามข่าวสารของเราถูกเรียกว่า Follower”
สำหรับการสื่อสารหรือผู้คุย สนทนากันผ่านทางทวิตเตอร์นั้นสามารถทำได้โดยการเรียกชื่อ เช่น ต้องการกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อในระบบว่า Smith” สามารถทำได้โดยการพิมพ์ @Smith แล้วตามด้วยข้อความที่ต้องการ เช่น @Smith สวัสดีครับ

Facebook
            Facebook เป็นบริการเครือข่ายสังคมและเว็บไซต์เปิดใช้งานเมื่อปี ค.2004 ก่อตั้งโดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ใช้สามารถสร้างข้อมูลส่วนตัว เพิ่มรายชื่อผู้ใช้อื่นในฐานะเพื่อน และแลกเปลี่ยนข้อความ รวมถึงได้รับแจ้งโดยทันทีเมื่อมีการปรับปรุงข้อมูลส่วนตัว นอกจากนั้นผู้ใช้ยังสามารถร่วมกลุ่มความสนใจส่วนตัว จัดระบบตามสถานที่ทำงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรืออื่นๆFacebook อนุญาตให้ใครก็ได้เข้าสมัครลงทะเบียนกับ Facebook โดยต้องมีอายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไป



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น