บทบาทของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

แบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้
บทบาทของคิมพิวเตอร์ด้านการเรียนการสอน
คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน
(Computer
Assisted
Instruction) หมายถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน
เพื่อช่วยให้ครูผู้สอนไม่ต้องเสียเวลากับการงานบริหาร
ครูผู้สอนจะได้มีเวลาไปปรับปรุงบทเรียนให้ทันสมัยและมีเวลาให้กับนักเรียน
มากขึ้น เช่น การจัดเลือกข้อสอบ
การตรวจและให้คะแนนและวิเคราะห์ข้อสอบ
การเก็บประวัตินักเรียนเฉพาะวิชาที่สอนเพื่อดูพัฒนาการด้านการเรียนและการ
ให้คำปรึกษา
และช่วยในการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอนของวิชาที่สอน
รวมถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ครูผู้สอนสามารถ
วิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้เรียน ได้แก่
การจัดทำสื่อการสอน , การจัดการเรียนการสอนนักเรียน
และรูปแบบ วิธีการสอน โดยการนำ
คอมพิวเตอร์มาช่วย เช่น
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI.
(Computer Assisted Instruction) หรือ
การสอนแบบออนไลน์ ผ่านเวบไซท์ต่างๆ
บทบาทของคิมพิวเตอร์ด้านการบริหาร
การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการบริหาร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในวงการศึกษา สามารถแยกเป็น 2 ด้าน คือ
1.ในด้านของผู้บริหารสถาบันการศึกษา คอมพิวเตอร์สามารถช่วยผู้บริหารสถาบันการศึกษาในด้านการทำงานต่างๆ เช่น การบัญชี การจัดตารางสอน การเก็บบันทึกข้อมูล เป็นต้น
2.ในด้านการบริหารงานของครูผู้สอน
เนื่องจากครูผู้สอนย่อมต้องมีกิจกรรมในเรื่องต่างๆ
มากมายนอกเหนือไปจากงานด้านสอนปกติ
ได้แก่ งานด้านการเขียน เช่น
การเขียนรายงาน การเตรียมโน้ตย่อบทเรียน
การเตรียมแบบทดสอบ
งานด้านการคิดคำนวณ เช่น
การตรวจและการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียน
และงานด้านการเตรียมบทเรียนและการจัดทรัพยากรต่างๆ
เหล่านี้เป็นต้น
งานเหล่านี้ครูผู้สอนสามารถที่จะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานและเก็บข้อมูลได้
เช่น
การใช้โปรแกรมประมวลคำเพื่อพิมพ์เอกสารประกอบการสอนโน้ตย่อบทเรียนเพื่อแจกแก่ผู้เรียนหรือแบบทดสอบต่างๆ
เพื่อบันทึกไว้สำหรับเรียกใช้ในครั้งๆต่อไปได้
หรือการใช้โปรแกรมในการคิดคำนวณคะแนนสอบและเกรด
เป็นต้น
ซึ่งจะทำให้การทำงานเหล่านี้เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและถูกต้อง
บทบาทของคอมพิวเตอร์ด้านการบริการ
คอมพิวเตอร์ด้านการบริการ หมายถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการอำนวยความสะดวกในด้านการบริการต่างๆใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการด้านการบริการเพื่อการศึกษา
ทั้งในระดับโรงเรียน
และมหาวิทยาลัย นั่นก็คือ
การลงทะเบียนวิชาเรียน
การตรวจสอบผลการเรียนผ่านทางเว็บไซต์
การให้บริการข้อมูลทางการศึกษาของทางโรงเรียน
และทางมหาวิทยาลัย
การสืบค้นข้อมูลต่างๆที่เป็นความรู้
เป็นประโยชน์ การสืบค้นหนังสือที่ห้องสมุด
การจองหอพัก การจัดระบบข้อมูลของ
การจัดทำสถิติต่างๆที่เป็นข้อมูลเพื่อการบริการ
เพื่อความสะดวก รวดเร็ว
คล่องแคล่วในการใช้งาน
และเป็นระบบอย่างชัดเจน
นอกจากนี้สถานศึกษายังมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในด้านการบริการ
งานบุคลากร การเงิน การบัญชี
การประชาสัมพันธ์ ทะเบียนนิสิตนักศึกษา
ตรวจสอบความถูกต้องในการลงทะเบียน
รายงานผลการเรียน
ประโยชน์
1.คอมพิวเตอร์สามารถเปลี่ยนแปลงจุดเริ่มต้นและจังหวะช้าเร็วของการเรียนการสอน
ให้เข้ากับนักเรียนแต่ละคนและทุกๆ
คนได้ทันทีทันใด
2.งานซ้ำซากที่ครูไม่อยากทำและไม่น่าจะต้องทำ เช่น จัดทำตารางสอบ รวมคะแนนสอบ จัดลำดับคะแนน คำนวณหาคะแนนเฉลี่ย ครูก็จะไม่ต้องทำ เพราะให้คอมพิวเตอร์ทำแทนได้
3.ครูมีเวลาเอาใจใส่ ช่วยแนะนำแก้ปัญหาด้านจิตใจ ด้านครอบครัว ให้เด็กได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
4.คอมพิวเตอร์สามารถเก็บประวัติผลการเรียนของเด็กทุกคน ทุกวิชา ได้อย่างละเอียดมากกว่าที่ครูจะจำได้หมด และคอมพิวเตอร์สามารถเสนอรายงานด้านต่างๆเกี่ยวกับเด็กแต่ละคนให้ครูได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้รวดเร็วทันใจกว่าที่ครูจะให้เลขานุการช่วยค้น หรือที่ครูจะลงมือทำประวัติเหล่านั้นด้วยตนเอง
5.เด็กสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตนสนใจได้ แม้ว่าโรงเรียนที่เด็กอยู่นั้น จะไม่มีครูที่มีความรู้ความสามารถจะสอนวิชานั้นๆ ได้
6.เราสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ได้ง่ายกว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของครู เพราะเครื่องไม่มีความรู้สึกว่าจะเสียเหลี่ยมที่จะต้องยอมรับว่า อะไรที่เคยทำอยู่แล้วนั้นไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
7.การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการเรียนการสอนอาจจะทำให้ทั้งเด็กและครูเข้าใจความเกี่ยวข้องของวิชาต่างๆมากขึ้น
8.การให้เด็กได้รู้จักการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังอยู่ในโรงเรียน จะเป็นการเตรียมให้เด็กไม่กลัวการใช้คอมพิวเตอร์เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว เพราะในอนาคตนั้นงานทางด้านรัฐบาลและเอกชนก็จะต้องเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น
2.งานซ้ำซากที่ครูไม่อยากทำและไม่น่าจะต้องทำ เช่น จัดทำตารางสอบ รวมคะแนนสอบ จัดลำดับคะแนน คำนวณหาคะแนนเฉลี่ย ครูก็จะไม่ต้องทำ เพราะให้คอมพิวเตอร์ทำแทนได้
3.ครูมีเวลาเอาใจใส่ ช่วยแนะนำแก้ปัญหาด้านจิตใจ ด้านครอบครัว ให้เด็กได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
4.คอมพิวเตอร์สามารถเก็บประวัติผลการเรียนของเด็กทุกคน ทุกวิชา ได้อย่างละเอียดมากกว่าที่ครูจะจำได้หมด และคอมพิวเตอร์สามารถเสนอรายงานด้านต่างๆเกี่ยวกับเด็กแต่ละคนให้ครูได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้รวดเร็วทันใจกว่าที่ครูจะให้เลขานุการช่วยค้น หรือที่ครูจะลงมือทำประวัติเหล่านั้นด้วยตนเอง
5.เด็กสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตนสนใจได้ แม้ว่าโรงเรียนที่เด็กอยู่นั้น จะไม่มีครูที่มีความรู้ความสามารถจะสอนวิชานั้นๆ ได้
6.เราสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ได้ง่ายกว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของครู เพราะเครื่องไม่มีความรู้สึกว่าจะเสียเหลี่ยมที่จะต้องยอมรับว่า อะไรที่เคยทำอยู่แล้วนั้นไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
7.การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการเรียนการสอนอาจจะทำให้ทั้งเด็กและครูเข้าใจความเกี่ยวข้องของวิชาต่างๆมากขึ้น
8.การให้เด็กได้รู้จักการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังอยู่ในโรงเรียน จะเป็นการเตรียมให้เด็กไม่กลัวการใช้คอมพิวเตอร์เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว เพราะในอนาคตนั้นงานทางด้านรัฐบาลและเอกชนก็จะต้องเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น
เเนวโน้มในอนาคต
การเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแบบก้าวหน้า เช่น มีการพัฒนาทุก3ปี และพัฒนาการทางความเร็วของคอมพิวเตอร์จะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2 เท่าเมื่อเป็นเช่นนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมี
แนวโน้มที่จะก้าวไปได้อีกมากความฝันหรือจินตนาการต่างๆ
ที่คิดไว้ จะเป็นจริงในอนาคต
พัฒนาการเหล่านี้ย่อมมีบทบาทที่สำคัญต่อการศึกษาอย่างมาก
องค์กรที่ทำหน้าที่ในการวางแผนการศึกษาของชาติ จะต้องให้ความสำคัญกับ
การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มที่
การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญ
อย่างไรก็ตามการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีราคาค่อนข้างสูง
จึงจำเป็นต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องมีการศึกษา
และวางแผนให้เหมาะสมเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น