ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

บทบาทของคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษา

บทบาทของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา




 


แบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้



บทบาทของคิมพิวเตอร์ด้านการเรียนการสอน

              คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน (Computer Assisted Instruction) หมายถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยให้ครูผู้สอนไม่ต้องเสียเวลากับการงานบริหาร ครูผู้สอนจะได้มีเวลาไปปรับปรุงบทเรียนให้ทันสมัยและมีเวลาให้กับนักเรียน มากขึ้น เช่น การจัดเลือกข้อสอบ การตรวจและให้คะแนนและวิเคราะห์ข้อสอบ การเก็บประวัตินักเรียนเฉพาะวิชาที่สอนเพื่อดูพัฒนาการด้านการเรียนและการ ให้คำปรึกษา และช่วยในการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอนของวิชาที่สอน รวมถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ครูผู้สอนสามารถ วิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้เรียน ได้แก่ การจัดทำสื่อการสอน การจัดการเรียนการสอนนักเรียน และรูปแบบ วิธีการสอน โดยการนำ คอมพิวเตอร์มาช่วย เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI. (Computer Assisted Instruction) หรือ การสอนแบบออนไลน์ ผ่านเวบไซท์ต่างๆ


บทบาทของคิมพิวเตอร์ด้านการบริหาร

    การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการบริหาร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในวงการศึกษา สามารถแยกเป็น 2 ด้าน คือ

    1.ในด้านของผู้บริหารสถาบันการศึกษา คอมพิวเตอร์สามารถช่วยผู้บริหารสถาบันการศึกษาในด้านการทำงานต่างๆ เช่น การบัญชี การจัดตารางสอน การเก็บบันทึกข้อมูล เป็นต้น

    2.ในด้านการบริหารงานของครูผู้สอน เนื่องจากครูผู้สอนย่อมต้องมีกิจกรรมในเรื่องต่างๆ มากมายนอกเหนือไปจากงานด้านสอนปกติ ได้แก่ งานด้านการเขียน เช่น การเขียนรายงาน การเตรียมโน้ตย่อบทเรียน การเตรียมแบบทดสอบ งานด้านการคิดคำนวณ เช่น การตรวจและการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียน และงานด้านการเตรียมบทเรียนและการจัดทรัพยากรต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น งานเหล่านี้ครูผู้สอนสามารถที่จะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานและเก็บข้อมูลได้ เช่น การใช้โปรแกรมประมวลคำเพื่อพิมพ์เอกสารประกอบการสอนโน้ตย่อบทเรียนเพื่อแจกแก่ผู้เรียนหรือแบบทดสอบต่างๆ เพื่อบันทึกไว้สำหรับเรียกใช้ในครั้งๆต่อไปได้ หรือการใช้โปรแกรมในการคิดคำนวณคะแนนสอบและเกรด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การทำงานเหล่านี้เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและถูกต้อง


บทบาทของคอมพิวเตอร์ด้านการบริการ

          คอมพิวเตอร์ด้านการบริการ หมายถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการอำนวยความสะดวกในด้านการบริการต่างๆใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการด้านการบริการเพื่อการศึกษา ทั้งในระดับโรงเรียน และมหาวิทยาลัย นั่นก็คือ การลงทะเบียนวิชาเรียน การตรวจสอบผลการเรียนผ่านทางเว็บไซต์ การให้บริการข้อมูลทางการศึกษาของทางโรงเรียน และทางมหาวิทยาลัย การสืบค้นข้อมูลต่างๆที่เป็นความรู้ เป็นประโยชน์ การสืบค้นหนังสือที่ห้องสมุด การจองหอพัก การจัดระบบข้อมูลของ การจัดทำสถิติต่างๆที่เป็นข้อมูลเพื่อการบริการ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว คล่องแคล่วในการใช้งาน และเป็นระบบอย่างชัดเจน นอกจากนี้สถานศึกษายังมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในด้านการบริการ งานบุคลากร การเงิน การบัญชี การประชาสัมพันธ์ ทะเบียนนิสิตนักศึกษา ตรวจสอบความถูกต้องในการลงทะเบียน รายงานผลการเรียน

ประโยชน์

       1.คอมพิวเตอร์สามารถเปลี่ยนแปลงจุดเริ่มต้นและจังหวะช้าเร็วของการเรียนการสอน ให้เข้ากับนักเรียนแต่ละคนและทุกๆ คนได้ทันทีทันใด
       2.
งานซ้ำซากที่ครูไม่อยากทำและไม่น่าจะต้องทำ เช่น จัดทำตารางสอบ รวมคะแนนสอบ จัดลำดับคะแนน คำนวณหาคะแนนเฉลี่ย ครูก็จะไม่ต้องทำ เพราะให้คอมพิวเตอร์ทำแทนได้
       3.
ครูมีเวลาเอาใจใส่ ช่วยแนะนำแก้ปัญหาด้านจิตใจ ด้านครอบครัว ให้เด็กได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
       4.
คอมพิวเตอร์สามารถเก็บประวัติผลการเรียนของเด็กทุกคน  ทุกวิชา ได้อย่างละเอียดมากกว่าที่ครูจะจำได้หมด และคอมพิวเตอร์สามารถเสนอรายงานด้านต่างๆเกี่ยวกับเด็กแต่ละคนให้ครูได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้รวดเร็วทันใจกว่าที่ครูจะให้เลขานุการช่วยค้น หรือที่ครูจะลงมือทำประวัติเหล่านั้นด้วยตนเอง
       5.
เด็กสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตนสนใจได้ แม้ว่าโรงเรียนที่เด็กอยู่นั้น จะไม่มีครูที่มีความรู้ความสามารถจะสอนวิชานั้นๆ ได้
      6.
เราสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้  ได้ง่ายกว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของครู เพราะเครื่องไม่มีความรู้สึกว่าจะเสียเหลี่ยมที่จะต้องยอมรับว่า  อะไรที่เคยทำอยู่แล้วนั้นไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
      7.
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการเรียนการสอนอาจจะทำให้ทั้งเด็กและครูเข้าใจความเกี่ยวข้องของวิชาต่างๆมากขึ้น
      8.
การให้เด็กได้รู้จักการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังอยู่ในโรงเรียน  จะเป็นการเตรียมให้เด็กไม่กลัวการใช้คอมพิวเตอร์เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว  เพราะในอนาคตนั้นงานทางด้านรัฐบาลและเอกชนก็จะต้องเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น 


เเนวโน้มในอนาคต

        การเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแบบก้าวหน้า เช่น มีการพัฒนาทุก3ปี และพัฒนาการทางความเร็วของคอมพิวเตอร์จะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2 เท่าเมื่อเป็นเช่นนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมี แนวโน้มที่จะก้าวไปได้อีกมากความฝันหรือจินตนาการต่างๆ ที่คิดไว้ จะเป็นจริงในอนาคต พัฒนาการเหล่านี้ย่อมมีบทบาทที่สำคัญต่อการศึกษาอย่างมาก องค์กรที่ทำหน้าที่ในการวางแผนการศึกษาของชาติ จะต้องให้ความสำคัญกับ การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มที่ การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตามการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีราคาค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องมีการศึกษา และวางแผนให้เหมาะสมเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด







  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น